คนที่มีปัญหาการนอนหลายคน อาจจะกังวลว่า ตัวเองจะป่วยเป็นภาวะหยุดหายใจตอนนอน เพราะว่า มีอาการง่วงนอนตอนกลางวัน อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ หงุดหงิดง่ายโดยไม่มีสาเหตุ นอนหลับแล้ว สะดุ้งตื่นตอนกลางคืนบ่อย พร้อมอาการสำลัก หัวใจเต้นเร็ว บางทีก็ซึมเศร้า ไม่อยากทำอะไรต่อในชีวิต ก็เลยอยากรู้ว่า สาเหตุเกิดจากอะไร ด้วยการทำ Sleep Test วันนี้เราจะพามาดูกันค่ะว่า การทำ Sleep Test โรงพยาบาลรัฐ กับ เอกชน ต่างกันอย่างไรบ้าง
เนื้อหา
1 ราคาในการทำ Sleep Test
2 การให้บริการ
3 การติดตามผลหลังการทำ Sleep Test
4 สรุป ทำ sleep test โรงพยาบาลรัฐ กับ เอกชน ต่างกันอย่างไร
ราคาในการทำ Sleep Test
ก่อนอื่น เราคงอยากรู้ค่าใช้จ่ายในการทำ Sleep Test ใช่ไหมคะ ถ้าลองค้นหาข้อมูล จากหลาย ๆ โรงพยาบาล จะรู้เลยว่า ราคาไม่ต่างกัน ทั้งของรัฐและเอกชน ซึ่งโดยปกติแล้ว การทำ Sleep Test จะมีการตรวจเช็คหลายอย่าง ในร่างกายของเราดังนี้ค่ะ
• ตรวจเช็คระบบการหายใจระหว่างหลับ
• ตรวจเซ็คระดับออกซิเจน และคาร์บอนไดออกไซด์
• ตรวจวัดคลื่นสมอง
• ตรวจวันคลื่นหัวใจ และระบบกล้ามเนื้อต่างๆ
จากนั้น หมอจะเอาข้อมูลมาที่ได้ใสวิเคราะห์และทำการรักษาต่อไป ตามอาการที่เกิดขึ้นค่ะ
การให้บริการ
สำหรับการให้บริการ อันนี้เรารู้กันดีกว่า โรงพยาบาลเอกชน จะให้บริการที่ดีกว่าเยอะมาก ๆ ทั้งการให้ข้อมูล การดูแล พูดคุย และการประสานงานต่าง ๆ แต่ทั้งโรงพยาบาลรัฐและเอกชน จะให้เรานอนหลับ 1 คืนที่โรงพยาบาล และจะมีทีมแพทย์จะติดเครื่องตรวจวัดตามร่างกายของเราไว้ตลอดคืนเพื่อเช็ค แล้วตอนที่เราหลับ จะมีเจ้าหน้าที่เฝ้าจอ เพื่อดูอาการของเรา จากข้างนอก ผ่านกล้องวงจรปิดค่ะ
การติดตามผลหลังการทำ Sleep Test
หลังจากทำ Sleep Test แล้ว ทั้งโรงพยาบาลรัฐ และเอกชน จะมีการติดตามผล ในส่วนนี้ ค่าติดตามผลของโรงพยาบาลรัฐจะถูกกว่านะคะ
สรุป ทำ sleep test โรงพยาบาลรัฐ กับ เอกชน ต่างกันอย่างไร
โดยรวมแล้ว ถือว่าค่าใช้จ่ายไม่ได้ต่างกันมากนัก ถ้าอยากได้ความสะดวก สบาย และบริการที่ดี ก็สามารถใช้บริการทำ Sleep Test ที่โรงพยาบาลเอกชนได้ แต่ถ้าเราสะดวกที่จะไปโรงพยาบาลรัฐ ก็สามารถทำได้เช่นกันค่ะ แล้วแต่ความสบายใจและความต้องการของเราได้