การนอนกรนสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย และจากการศึกษาพบว่า “เด็กก่อนวัยเรียน” มีอาการกรนบ่อยเป็นพิเศษ ผู้ปกครองหรือคุณพ่อคุณแม่หลายๆ ท่านก็คงสงสัยว่า การนอนกรนแบบนี้อันตรายกับลูกหรือเปล่า วันนี้เรานำความรู้จากรายการ 108 Living โดยกุมารแพทย์โรคระบบทางเดินหายใจมาฝากกันค่ะ
การนอนกรนทำไมพบในเด็กก่อนวัยเรียน
ภาวะนอนกรนจะพบได้บ่อยในเด็กช่วง 2-6 ขวบ สาเหตุที่พบในเด็กช่วงนี้คือ ต่อมน้ำเหลือง โดยเฉพาะ “ต่อมทอนซิล (Tonsils)” กับ “ต่อมอดีนอยด์ (Adenoid)” โตขึ้น ร่วมกับเด็กช่วงวัยนี้ไปโรงเรียนก็มีโอกาสที่ติดหวัด หรือเจ็บป่วยในช่วงนี้บ่อยขึ้น
อันตรายที่มากับอาการนอนกรน
ถ้าออกซิเจนไปเลี้ยงหัวใจไม่เพียงพอหัวใจก็ต้องทำงานหนักขึ้น ถ้าออกซิเจนไปเลี้ยงที่ปอดต่ำลงปอดก็ต้องทำงานหนักขึ้นเหมือนกัน ส่งผลทำให้มีภาวะหัวใจล้มเหลวได้ หรือมีภาวะความดันที่ปอดสูง นอกจากนี้ยังส่งผลไปถึงเรื่องอารมณ์ เช่น เด็กซุกซน สมาธิสั้น ความจำไม่ดี ประสิทธิภาพในการเรียนลดลง ทำให้ผลการเรียนไม่ดี
การสังเกตอาการนอนกรน
วิธีสังเกตที่ถูกต้องคือต้องดูครึ่งคืนหลังหรือในช่วงเวลาประมาณ 03.00-04.00 น.
-เด็กนอนกรนทุกคืนไหม ?
-เด็กกรนเสียงดังไหม ?
-ท่านอนกรนมีท่าไหนบ้าง เช่น นอนคว่ำ นอนตะแคง นอนหงาย แล้วเสียงกรนเปลี่ยนไหม ?
-มีเสียงกรน แล้วเงียบไป จากนั้นมีอาการหายใจเฮือกขึ้นมาบ้างไหม ?
-หายใจสะดุดเป็นช่วงๆ ไหม ?
-ถ้าเป็นรุนแรง เด็กก็จะลุกขึ้นมานั่ง แล้วก็กลับไปนอนใหม่
หากมีอาการเหล่านี้ ก็บ่งบอกได้ถึงมีอาการนอนกรนและอาจจะอยู่ในภาวะอันตราย ควรมาปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการรักษานะคะ
วิธีการรักษา
แพทย์จะรักษาตามสาเหตุ ซึ่ง 80-90 เปอร์เซ็นต์ ในเด็กพบว่า มีต่อมทอนซิล (Tonsils) และ ต่อมอดีนอยด์ (Adenoid) โต ทางแพทย์จะดูจากฟิล์มเอ็กซเรย์และจะผ่าตัดเอาต่อมทอนซิล (Tonsils) และ ต่อมอดีนอยด์ (Adenoid) ออกแต่อาจจะมีภาวะอื่นร่วมด้วย เช่น เด็กมีภาวะอ้วนจะต้องควบคุมอาหารและออกกำลังกาย และถ้ามาภาวะภูมิแพ้อากาศร่วมด้วยก็จะต้องรักษาอาการภูมิแพ้และหลีกเลี่ยงสิ่งแวดล้อมกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการ
สรุปว่าถ้าลูกนอนกรน ควรทำอย่างไรดี ?
เห็นไหมละคะว่าการนอนกรนในเด็กเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เราควรจะให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ จากข้อมูลเบื้องต้นลองสังเกตหากลูกหรือบุตรหลานของท่านมีอาการเข้าข่ายอาการนอนกรนหรือเสี่ยงต่อภาวะหยุดหายใจ ทั้งนอนกรนทุกคืน กรนเสียงดังคล้ายผู้ใหญ่กรน หากมีอาการเหล่านี้ควรที่จะไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนะคะเพื่อตรวจอย่างละเอียดและทำการรักษาได้ทันเวลา ถือเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้ามเลยทีเดียวค่ะ
ขอขอบคุณที่มารายการ 108 Living : https://www.youtube.com/watch?v=qHQiwrudMfI