รู้ไหม? นอนกรนบ่อย เสี่ยงหยุดหายใจขณะหลับไม่รู้ตัว

การนอนกรน รู้ไหมไม่ใช่เรื่องธรรมดาอย่างที่หลายคนคิด เพราะนั่นอาจเป็นภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาวและเป็นอันตรายอย่างมากเลยทีเดียว ดังนั้นคนที่นอนกรนจึงไม่ควรนิ่งนอนใจเด็ดขาด โดยเฉพาะคนที่นอนหลับไม่สนิท หลับไม่อิ่ม ตื่นมาแล้วยังรู้สึกง่วง จนบางครั้งก็เผลอหลับในที่ทำงาน อาการเหล่านี้ล้วนเข้าข่ายหยุดหายใจขณะหลับทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นไปทำความรู้จักกับการนอนกรนให้มากกว่านี้กันดีกว่า

เนื้อหา

1. หยุดหายใจขณะหลับ พบได้ในคนกลุ่มไหนมากที่สุด
2. อาการสำคัญที่พบ
3. การตรวจวินิจฉัยโรคหยุดหายใจขณะนอนหลับ
4. โรคหยุดหายใจขณะหลับรักษาได้อย่างไร

หยุดหายใจขณะหลับ พบได้ในคนกลุ่มไหนมากที่สุด

ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ ที่เกิดจากการนอนกรน จะมีโอกาสพบได้บ่อยมากในผู้ชายถึงร้อยละ 20 และผู้หญิงร้อยละ 9 ผู้ชายจึงเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อโรคนี้มากที่สุด และนอกจากนี้ก็ยังพบได้ทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นคนผอมหรือคนอ้วนอีกด้วย โดยส่วนใหญ่จะพบในคนที่มีอายุเฉลี่ย 40 ปีขึ้นไปนั่นเอง และในขณะเดียวกันก็ยังพบว่าคนที่มีรูปร่างวีเชฟ คนอ้วนคางเล็ก ก็เสี่ยงต่อโรคนี้สูง เพราะมีช่องทางเดินหายใจในลำคอแคบกว่าคนปกติทั่วไป

อาการสำคัญที่พบ

สำหรับอาการสำคัญที่บอกได้ชัดว่าคุณกำลังเสี่ยงหยุดหายใจขณะนอนหลับ คือ

• นอนกรน โดยจะนอนกรนหยุดเป็นช่วงๆ ทำให้ขาดออกซิเจนกะทันหัน เป็นผลให้เกิดอาการสำลัก ผวา ชักกระตุกได้
• ตื่นเช้ามาจะรู้สึกอ่อนเพลียและเวียนศีรษะ ยังคงรู้สึกง่วงนอนอยู่ตลอดเวลา
• ในบางคนอาจตื่นขึ้นมาปัสสาวะในตอนกลางคืนบ่อย จนทำให้ร่างกายได้นอนหลับพักผ่อนไม่เต็มที่

การตรวจวินิจฉัยโรคหยุดหายใจขณะนอนหลับ

นอกจากอาการสำคัญดังกล่าวแล้ว การจะวินิจฉัยว่าเป็นโรคภาวะหยุดหายใจขณะหลับหรือไม่ จะต้องอาศัยการตรวจดูคลื่นไฟฟ้าในสมอง และวัดระดับออกซิเจนในเลือดขณะนอนหลับ เพื่อดูถึงความผิดปกติ แล้วนำมาวินิจฉัยควบคู่กับอาการสำคัญนั่นเอง

โรคหยุดหายใจขณะหลับรักษาได้อย่างไร

การรักษาผู้ป่วยนอนกรนที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ จะเริ่มจากการตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าในสมองและระดับออกซิเจนในเลือดก่อน จากนั้นจะทำการรักษาด้วยการใช้เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก ซึ่งเป็นตัวช่วยที่ดีในการหายใจและนิยมใช้มากที่สุด เพราะให้ผลลัพธ์ในการรักษาที่ดีมาก พร้อมมีผลข้างเคียงต่ำอีกด้วย โดยจะให้ผู้ป่วยทำควบคู่ไปกับ…

• การลดน้ำหนักให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 10 ของน้ำหนักตัว
• เลี่ยงการดื่มหนัก พวกเหล้าเบียร์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งหลาย
• เน้นการนอนด้วยท่าตะแคงมากกว่าท่าอื่น เพื่อให้หายใจสะดวกขึ้นและลดการนอนกรนได้ดี
• นอนให้ได้ในระยะเวลาที่เหมาะสม โดยควรนอนหลับเฉลี่ยที่วันละ 7 ชั่วโมงขึ้นไป

จะเห็นได้ว่าการนอนกรนที่ดูเหมือนธรรมดา อาจมีอันตรายแอบแฝงโดยที่คุณไม่รู้ตัวเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นในคนที่นอนกรน ลองเช็คตัวเองดูสิว่ามีความผิดปกติเหล่านี้ด้วยหรือไม่ เพื่อจะได้ทำการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ นั่นเอง โดยทั้งนี้นอกจากการรักษาด้วยวิธีดังกล่าวแล้ว ในผู้ป่วยที่มีอาการหนักจริงๆ อาจต้องใช้วิธีการรักษาด้วยการผ่าตัด ซึ่งแพทย์จะพิจารณาเลือกวิธีนี้เป็นวิธีสุดท้าย

ขอบคุณที่มา

www.youtube.com/watch?v=tPgZJFeVvvk&t=5s